โปรตีน กับผู้ป่วยมะเร็ง
โปรตีนคือกรดอะมิโนหลายๆ ตัวมารวมกันกลายเป็นสายโปรตีนขึ้น ดังนั้นกรดอะมิโนจึงเท่ากับโปรตีนนั่นเองแต่เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของโปรตีน ในร่างกายคนเราประกอบไปด้วยกรดอะมิโนมากมายเอามาสร้างเป็นกล้ามเนื้อ ฮอร์โมน โครงสร้างร่างกาย รวมไปถึงสารสื่อประสาท และระบบเม็ดเลือดทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
โปรตีนที่เรารับประทานกันแบ่งออกเป็นสองชนิด คือ กรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acid) กับกรดอะมิโนไม่จำเป็น (Non-Essential Amino Acid) กรดอะมิโนจำเป็นหมายถึง ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ต้องได้รับจากอาหาร ส่วนกรดอะมิโนไม่จำเป็นนั้นร่างกายสามารถดึงเอาสารอื่นมาสร้างเป็นกรดอะมิโนชนิดนี้ได้ เช่น พวกน้ำตาลสามารถดึงเอามาสร้างได้เช่นเดียวกัน แต่ในสภาวะที่ร่างกายเรามีความเครียด บาดเจ็บ และเป็นมะเร็ง ...... กรดอะมิโนที่เคยสร้างได้เองกลับไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ ทำให้กรดอะมิโนที่เคยไม่ขาดก็ขาดได้ ตัวที่พบประจำได้แก่ กลูตามีน อาร์จีนีน ไทโรซีน ซีสตีอีน เป็นต้น ซึ่งกรดอะมิโนดังกล่าวนี้พบได้ตามกล้ามเนื้อปกติ เมื่อขาดจึงพบภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็ง นอกจากนี้กรดอะมิโนข้างต้นยังเป็นตัวสำคัญในการเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาวพวกลิมโฟไซท์ (lymphocyte) อีกด้วย และกรดอะมิโนที่ชื่อว่า “อาร์จีนีน” ยังช่วยในการควบคุมสมดุลไนโตรเจนในร่างกาย ความสมดุลนี้สำคัญมาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่สมดุลไนโตรเจนเสียไปจะทำให้ผู้ป่วยเกิดสารพิษคั่งค้าง มีอาการซึมตอบสนองได้ช้า
หน้าที่สำคัญของโปรตีนสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- ผู้ป่วยมะเร็ง จะมีอัตราการสลายโปรตีนมากกว่าปกติ การได้รับโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
- รักษาบาดแผลในผู้ป่วยผ่าตัดให้แผลหายเร็วขึ้น
- ต้านสารอนุมูลอิสระ ลดการเกิดการติดเชื้อและป้องกันโรคแทรกซ้อน
- ป้องกันการพัฒนาไปสู่ภาวะ cancer cachexia (กล้ามเนื้อฝ่อลีบ)
- ช่วยฟื้นตัวจาก ยาเคมีบำบัด ฉายรังสี หรือผ่าตัด
- โปรตีนจะช่วยในการซ่อมแซมร่างกายระหว่างการรักษา และบำรุงเม็ดเลือดขาวได้
รับประทานโปรตีนแล้วมะเร็งโตจริงหรือ ?
ในความจริงแล้วการรับประทานสิ่งใดก็ทำให้มะเร็งโต ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมัน แต่เนื่องจากโปรตีนนั้นจะหมายมุ่งถึงเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ หากผู้ป่วยเลือกเนื้อสัตว์ไม่เป็นก็จะพบสารตกค้าง ไขมันที่แทรกอยู่ตามส่วนต่างๆ ของเนื้อสัตว์ พวกนี้แหละคือตัวทำให้มะเร็งโตอย่างแท้จริง ถามว่าจะเลี่ยงไปเลยได้ไหม ตอบเลยว่าไม่ควร เพราะถึงแม้ตามหลักชีวจิตที่หลายๆ ท่านปฏิบัติกัน ยังแนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์อาทิตย์ละครั้งเช่นกัน สาเหตุก็เพราะเนื้อสัตว์เป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่สมบูรณ์ที่สุดนั่นเอง
เลือกรับประทานโปรตีนอย่างไร
จากข้างต้นคงได้ทราบถึงประโยชน์ของอะมิโน แหล่งโปรตีนที่ควรเลือก คือ ไข่ไก่ เนื้อสัตว์พวกเนื้อปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันเยอะ อาทิ อกไก่ สันในไก่ เป็นต้น เราไม่แนะนำเนื้อแดงพวกเนื้อหมู เนื้อวัวให้ผู้บริโภค เพราะเนื้อดังกล่าวจะมีการตกค้างของ metmyoglobin อยู่ สารดังกล่าวจะไปรวมตัวกับน้ำดีในลำไส้ก่อให้เกิดมะเร็งได้ แต่ผู้ป่วยยังสามารถเลือกรับประทานเนื้อแดงได้บ้างอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ผู้ป่วยบางท่านรับประทานเนื้อสัตว์แล้วจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน นั่นไม่ใช่เพราะร่างกายเมื่อเป็นมะเร็งแล้วจะปฏิเสธเนื้อสัตว์ แต่สาเหตุมาจากผู้ป่วยปฏิเสธเอง เพราะเมื่อเราไม่รับประทานอาหารใดนานๆ ร่างกายจะคิดว่าสิ่งนั้นไม่ใช่อาหารที่รับประทานได้ ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นได้ดีกว่าคนปกติที่ได้รับประทานเป็นประจำ ดังนั้นการได้รับประทานเนื้อสัตว์ครั้งแรกของผู้ป่วยจะเกิดอาการคลื่นไส้ เหม็นเนื้อสัตว์ได้ ทางแก้คือลองลดปริมาณเนื้อสัตว์ลงก่อนในช่วงแรก จากนั้นรับประทานเนื้อสัตว์พร้อมกับผักที่มีกลิ่นกลบกลิ่นคาวได้ เช่น ใบโหระพา ใบกระเพรา เป็นต้น
ผู้ป่วยสามารถรับประทานโปรตีนได้ทุกคนหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ได้ มีข้อห้ามสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคไตร่วมด้วย กับผู้ที่มีภาวะมะเร็งตับที่ส่งผลต่อสมอง โดยผู้ป่วยกลุ่มที่ต้องดูแลเรื่องไตและตับ ต้องลงในรายละเอียดเป็นพิเศษว่าโปรตีนตัวไหนรับประทานได้ ตัวไหนอนุญาตให้ปริมาณเท่าไหร่ ต้องพิจารณาหลายปัจจัยมาประกอบ ผู้ป่วยควรต้องปรึกษาและดูแลโดยนักกำหนดอาหารอย่างเคร่งครัด
นมดื่มได้ไหม นมเป็นหมวดโปรตีนที่เป็นแหล่งของกลูตามีนตามธรรมชาติ แนะนำให้ดื่มได้เลย แต่คงต้องเป็นกลุ่มนมพร่องมันเนย และหากอยากได้ประโยชน์จากการดื่มนมมากที่สุด เเต่เมื่อป่วยด้วยโรคมะเร็ง เซลล์มะเร็งจะมีการหลั่งสารที่กระตุ้นการอักเสบ (Tumor-driven inflammation) ประกอบกับการที่ผู้ป่วยกินอาหารได้น้อยไม่ว่าจะด้วยความอยากอาหารลดลง การอักเสบในช่องปาก การรับรสชาติและกลิ่นเพี้ยนไปหรือลดลง ความเจ็บปวด ความอ่อนเพลีย ฯลฯ ร่ายกายเลยสลายโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานเเทนอาหารที่ไม่ได้กินเข้าไป ด้วยเหตุฉะนี้เอง จึงเกิดเป็นความเชื่อที่ว่า “เซลล์มะเร็งกินโปรตีน” คนไข้หลายคนเลยไม่ยอมกินโปรตีน ซึ่งในทางการแพทย์จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากแม้ว่าผู้ป่วยจะไม่รับประทานอาหารที่มีโปรตีน ร่างกายก็จะไปสลายโปรตีนในกล้ามเนื้อออกมาอยู่ดี ในที่สุดจะยิ่งทำให้ร่างกายทรุดโทรม ขาดสารอาหาร เกิดเป็นภาวะผอมหนังหุ้มกระดูก หรือ cancer cachexia ตามในภาพ จนไม่อาจทนต่อการรักษาได้ หรือไม่มีโปรตีนเพียงพอจะสร้างเม็ดเลือดขาว จึงต้องเลื่อนการรักษา (หากเม็ดเลือดขาวต่ำเกิน แพทย์จะเลื่อนการรักษาออกไป และให้ผู้ป่วยกินอาหารให้เยอะขึ้นเพื่อให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มสูงขึ้น) ซึ่งหากเลื่อนการรักษา อาจทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตขึ้นระหว่างนั้นได้
หากคนไข้สามารถรับประทานอาหารแบบปกติได้ดี ให้คนไข้กินอะไรก็ได้ เน้นกินให้ได้ก่อน เพราะส่วนใหญ่จะกินไม่ค่อยได้ เเต่ขอให้ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ในเเต่ละวัน เน้นให้คนไข้กินโปรตีนสูงขึ้นมาหน่อยได้เลย “ไม่ต้องกลัว”
จะกินเป็นโปรตีนจากสัตว์ หรือพืชก็ได้ ไม่ติด เเต่ขอให้กินโปรตีนรวมให้ได้ประมาณ 1.2-1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (เอาน้ำหนักตัว x 1.2 = ปริมาณโปรตีนที่ต้องกิน) ย้ำเลยว่า “น้ำหนักของเนื้อสัตว์ ไม่เท่ากับน้ำหนักของโปรตีน” โดยเนื้อสัตว์สุกทุกๆ 30 กรัม หรือประมาณ 2 ช้อนกินข้าวพูนๆ จะมีโปรตีนแค่ 7 กรัม
ปลาทะเล เนื่องจากเป็นเเหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ย่อยง่าย เป็นเเหล่งของกรดไขมัน Eicosapentaenoic acid (EPA) ปริมาณสูง ซึ่งเมื่อถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเอนไซม์ Cyclooxygenases และ Lipoxygenases จะได้สาร Series 3 Prostaglandins และ Series 5 Leukotriene ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ อย่างปลาทู 100 กรัมนี่มี EPA สูงถึง 1,636 มก. โดยแนวทางเวชปฏิบัติ (Guideline) ของสถาบันทางโภชนศาสตร์และการกำหนดอาหารสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งได้รับ EPA 1.1-1.2 กรัม/วัน ของออสเตรเลีย 1.4-2.0 กรัม/วัน และ European Society for Clinical Nutrition and Metabolism (ESPEN) แนะนำช่วงกว้างๆ ไว้ คือ 0.26-6.0 กรัม/วัน โดยทั่วไปจะเเนะนำที่ 1.5 ถึง 2 กรัมต่อวันนอกจากเรื่องโปรตีนเเล้วก็อยากให้คนไข้เลี่ยงของหมักดอง พวกอาหารสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารที่ไม่สุก หรืออาหารอะไรก็ตามที่ไม่สะอาด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากภูมิคุ้มกันในคนไข้มะเร็งจะต่ำอยู่เเล้ว จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ด้วย
ทำไมต้องเป็น “โปรตีนพืช” ที่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็ง
สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง โดยทั่วๆ ไปแล้ว ในวันหนึ่งควรกินโปรตีนประมาณ 50-80 กรัม โดยปริมาณขึ้นกับน้ำหนักตัวว่ามากหรือน้อย ตัวอย่าง เช่น น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ควรกินโปรตีนเท่ากับ 50×1.2 ประมาณ 60 กรัมต่อวัน ในการเลือกทานโปรตีนนั้น ผู้ป่วยเลือกทานโปรตีนจากพืชมากกว่าโปรตีนจากสัตว์ เพราะโปรตีนจากพืช ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย ไม่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอล มีไฟเบอร์ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง โปรตีนจากพืช จะมีกรดอะมิโนจำเป็น ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของโปรตีน เพราะผู้ป่วยมะเร็ง จะมีอัตราการสลายโปรตีนมากกว่าปกติ การได้รับโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากบางคนอาจจะกลัวว่าการทานโปรตีนพืช จะได้รับโปรตีนไม่เท่ากับโปรตีนจากสัตว์ บอกเลยว่าคิดผิด พืชหลายชนิด ก็สามารถให้ปริมาณโปรตีนมากไม่แพ้กันเลย โปรตีน ที่มาจากพืชก็จะเป็นจำพวก ผัก ธัญพืช และถั่วชนิดต่างๆ นั่นเอง โดยถั่วเมล็ดนิ่มมีโปรตีนสูงสุด
MX PROTEIN ช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างไร
MX Protein คือ โปรตีนพืชล้วน ไม่ผสมนม หรือโปรตีนจากสัตว์ จึงทําให้ไม่มีน้ําตาลแลคโตส และคอเลสเตอรอล รวมถึงไร้ไขมันทรานส์ ร่างกายของเราจึงนําสารอาหารไปใช้ได้เลย และประกอบด้วยถั่วที่หลากหลายกว่า 10 ชนิด และ ยังมีธัญพืช ไซเลี่ยม ซีด ฮัสค์ (Phyllium Seed Husk) อีกด้วย โดยธัญพืชชนิดนี้มีชื่อไทยว่าเทียนเกล็ดหอยซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากประเทศ อิหร่าน อินเดีย และตะวันออกกลาง เป็นประเภทไม่ล้มลุก
คุณสมบัติเด่นๆ คือ นำเอาเมล็ดแก่ มาใช้ซึ่งมีสารมิวซิเลจ (mucilage) 10% เมื่อแช่น้ำจะพองตัวได้ถึง 25 เท่า สามารถดูดซับน้ำตาลและไขมัน ช่วยลดการดูดซึมของไขมันช่วยลดการดูดซึมของไขมันและพลังงานที่จะเข้าสู่ร่างกายได้ทำให้ระบบการทำงานและการบีบตัวของลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดอาการท้องผูก อีกทั้งทำให้รู้สึกอิ่มเร็วช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างดี
นอกจากนี้เทียนเกล็ดหอยที่มีไฟเบอร์ที่มีลักษณะเป็นเจล ประกอบด้วย ไมโคร-โพลีแซคคาไรด์ (micro-polysaccharides) และเซลลูโลส (cellulose) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยหล่อเลี้ยงลำไส้ซึ่งเป็นทางผ่านของกากอาหาร เปลือกเมล็ด Psyllium (Psyllium seed husk) ไม่ได้ให้สารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายเหมือนพืชอื่นๆแต่จะให้ใยอาหาร (fiber) และ mucilage (10-30%) ใยอาหารซึ่งสามารถพองตัวได้ 25 เท่าของน้ำหนักตัวจึงทำให้อิ่มเร็วนอกจากนี้ยังช่วยลดการดูดซึมของไขมันช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับสารพิษในสำไส้ ช่วยลดระดับโคเรสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่เต้านมและลำไส้ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจช่วยควบคุมความดันโลหิต รักษาเบาหวาน รักษาริดสีดวงทวาร รักษาโรคท้องร่วงรักษาอาการระคายเคืองผิวหนัง รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ผู้ป่วยมะเร็งเบื่ออาหารทานดีไหม ?
เข้าใจในปัญหาอาการเบื่ออาหาร ทานได้น้อย ในผู้สูงอายุ และ ปล่อยไว้นานจะไม่ดี ด้วยจุดนี้ผู้วิจัยของเราจึงนำเอา สารอาหารจาก อัลฟาฟ่า พืชตระกูลถั่วขนาดเล็กมาไว้ในโปรตีน MX สูตรใหม่ล่าสุด ไม่เพียงได้โปรตีนเพิ่มขึ้นถึง 50% ยังได้สารอาหารดีๆที่เข้าใจผู้ป่วยผู้สูงวัยอีกด้วย
ทราบหรือไม่ .. ได้มีการใช้"อัลฟาฟ่า"เพื่อการรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่ในสมัยโบราณ โดยแพทย์ชาวจีนได้ใช้ใบ "อัลฟาฟ่า" อ่อนในการรักษาอาการย่อยไม่ปกติ เช่นเดียวกันกับแพทย์ชาวอินเดียที่ใช้ใบและดอกสำหรับการรักษากระบวนการย่อยทำงานที่ทำงานได้น้อย นอกจากนี้ "อัลฟาฟ่า"ยังใช้เพื่อการบำบัดโรคข้อต่ออักเสบ ชาวอินเดียนในอเมริกาเหนือได้แนะนำให้ใช้ "อัลฟาฟ่า"ในการรักษาโรคดีซ่าน และช่วยสนับสนุนการจับตัวของเลือด แพทย์ที่ใช้สมุนไพรเพื่อการบำบัดในสหรัฐอเมริการได้แนะนำให้ใช้ "อัลฟาฟ่า"เป็นยาสำหรับอาการย่อยไม่เป็นปกติ ภาวะโลหิตจาง เบื่ออาหารและอาการการดูดซึมอาหารไม่ดี
1 แก้วที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วย ผู้สูงวัย เสริมด้วยโปรตีนพืช 100% MX Protein เพียวโปรตีนจากถั่วอัลมอนด์ ผสานถั่วจากทั่วทุกมุมโลกรวมธัญพืชที่มีคุณค่ากว่า 10 ชนิด พร้อมประโยชน์มากมาย และ มากกว่า..
มีโปรตีนดีจากพืชล้วน ไม่ผสมนม จึงย่อยง่าย ไม่มีแลคโตส
ไม่มีไขมันทรานส์ ไร้นำ้ตาลทราย
มีพรีไบโอติก ที่ต่อลำไส้ผู้สูงวัย และ ไฟเบอร์จากพืช
ย่อยง่าย ดูดซึมไว ฟื้นฟูเซลล์ อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยบำรุงซ่อมแซม เสริมเซลล์ดีๆ ให้แข็งแรง
มีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการ ไม่มีคอเลสเตอรอล
โปรตีนชนิดไอโซเลทให้คุณค่าสูง เพราะ ดูดซึมไว ไร้ไขมันทรานส์