วันนี้คุณรอได้ ญาติคุณรอได้ แต่...
...มะเร็ง ไม่เคยรอใคร...
*หมายเหตุ : ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างตามแต่ละบุคคล
ข้อควรปฏิบัติตัวของผู้ป่วยมะเร็งตับ
1. ผู้ป่วยควรพยายามรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ ให้ได้แคลอรีเพียงพออย่างน้อย 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน เพื่อช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง มีความทนทานต่อโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่เกิดจากมะเร็งตับ ถ้าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้เพียงเล็กน้อยแล้วมีอาการท้องอืดแน่นท้อง ก็ให้พยายามรับประทานอาหารบ่อยครั้งแต่ทีละน้อย โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนมาก เช่น นม ไข่ ถั่วต่าง ๆเป็นต้น
2. หากมีอาการบวมที่ท้องหรือที่เท้า ควรรับประทานอาหารเค็มให้น้อยลง ดื่มน้ำพอควร งดอาหารที่มีรสเค็มทุกชนิด เช่นปลาเค็ม ไข่เค็ม ยำซีเซ็กไฉ่ เต้าเจี้ยวหลน กะปิคั่ว ปลาร้า เป็นต้น
3. ไม่ดื่มสุรา เหล้า เบียร์ ไวน์ บรั่นดี วิสกี้ และของมึนเมาทุกชนิด
4. รักษาความสะอาดของร่างกาย ระวังการติดเชื้อ เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ
5. กินยาตามแพทย์สั่ง ให้ความร่วมมือและไว้วางใจแพทย์ในการรักษา
6. ควรลดภาระงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และยอมรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น
โรคมะเร็งตับเป็นโรคมะเร็งที่มีอุบัติการณ์สูงเป็นอันดับต้นๆทั้งทั่วโลกและโดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่มีอุบัติการณ์ของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ
การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมีความแตกต่างจากโรคมะเร็งชนิดอื่น เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีภาวะตับแข็งร่วมด้วย การพิจารณาแนวทางการรักษาจึงต้องคำนึงถึงสองภาวะนี้ควบคู่กันไป จึงต้องมีการดูแลรักษาอย่างเป็นองค์รวมโดยทีมแพทย์ในหลายสาขา การรักษาโรคมะเร็งตับ ประกอบไปด้วยหลายวิธี อาทิ
·การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออก
·การผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนตับ
·การใช้คลื่นพลังงานหรือสารต่างๆจี้หรือฉีดไปที่ก้อนเพื่อทำลายมะเร็งโดยตรง มีหลายชนิดย่อย อาทิ ฉีดแอลกอฮอล์,การใช้คลื่นความถี่วิทยุ ,การใช้คลื่นไมโครเวฟ การใช้ความเย็นเป็นต้น
·การใส่สายสวนไปที่เส้นเลือดแดงเพื่อใส่สารหรือยาเคมีบำบัดไปอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง
·การฉายรังสีไปที่ก้อน
·การรักษาด้วยยา
โดยแพทย์จะพิจารณาเลือกการรักษาด้วยวิธีต่างโดยพิจารณาจาก ตำแหน่งของก้อนมะเร็ง ขนาดของก้อนมะเร็ง ระยะและการลุกลามของโรค สภาพการทำงานของตับ และสภาวะสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการรักษาโรคมะเร็งตับโดยการใช้ยาซึ่งมีข้อบ่งชี้หลัก ดังนี้
1.ก้อนมะเร็งยังอยู่ในตับ แต่มีขนาดใหญ่ หรือ อยู่ตำแหน่งที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ก้อนมะเร็งลุกลามไปถึงหลอดเลือดหลักไปเลี้ยงตับ จึงไม่สามารถใช้วิธีผ่าตัด หรือ อุดเส้นเลือด ได้ เป็นต้น
2.ก้อนมะเร็งมีการกระจายออกมานอกตับแล้ว
3.สภาพร่างกายของผู้ป่วยและการทำงานของตับยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่มีภาวะตับแข็งระดับรุนแรง
โดยยาที่ใช้รักษาโรคมะเร็งตับในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1.ยามุ่งเป้าออกฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งผ่านหลายกลไก แต่กลไกที่สำคัญ คือ การยับยั้งขบวนการสร้างหลอดเลือดที่มาเลี้ยงมะเร็ง ในปัจจุบัน มี 2 รูปแบบ
1.1 ยาแบบรับประทาน มีหลายชนิด ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยากลุ่มนี้ได้แก่ มือเท้าแห้งแตกและลอก ปวดฝ่ามือฝ่าเท้า ท้องเสีย เบื่ออาหาร และ ความดันโลหิตสูง
1.2 ยาแบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยากลุ่มนี้ได้แก่ ความดันโลหิตสูง และมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ โดยเฉพาะกรณีที่ใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน
2. ยาภูมิคุ้มกันบำบัด ออกฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง โดยยาที่ได้รับรองให้รักษาโรคมะเร็งตับในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ยากลุ่มนี้ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง แต่ยาภูมิคุ้มกันบำบัดอาจกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากและเกิดการอักเสบในอวัยวะต่างๆได้ เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบ อย่างไรก็ตาม การเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ ลำไส้อักเสบ พบได้ไม่บ่อยนัก
3. ยาเคมีบำบัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาด้วยยาหากผู้ป่วยไม่สามารถรับการรักษาด้วยยาหลักข้างต้นได้ ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งตับ ได้แก่ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เม็ดเลือดขาวต่ำ และอาจมีอาการชาบริเวณปลายมือปลายเท้าหากได้รับยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน
มะเร็งตับในประเทศไทยที่พบบ่อยมี 2 ชนิด
1. มะเร็งเซลล์ตับ ร้อยละ 95 เป็นมะเร็งเซลล์ตับ พบได้ทุกภาค พบมากที่สุดในภาคกลาง มะเร็งชนิดนี้มีความสัมพันธ์กับภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี และปัจจัยอื่นๆ อีกหลายปัจจัย
2.โรคตับแข็ง เป็นภาวะที่ตับทำงานลดลง เกิดจากการที่ตับมีการอักเสบเรื้อรัง เนื้อตับที่ปกติจะเริ่มมีพังผืดเกิดขึ้น จนในที่สุดเนื้อตับที่มีพังผืดมากกว่าปกติก็จะกลายสภาพเป็นตับแข็ง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งตับ
หน้าที่เข้าชม | 102,982 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 87,028 ครั้ง |
เปิดร้าน | 10 มี.ค. 2564 |
ร้านค้าอัพเดท | 26 มิ.ย. 2568 |